หากพูดถึงเพลงประกอบหนัง หรือเพลงสกอร์ อาจมีหลายคนที่นึกถึงเพลงตอนต้นของหนังสายลับอังกฤษอย่างเจมส์ บอนด์ 007 ที่ให้อารมณ์แห่งความลึกลับ ตื่นเต้น และคลาสสิก หรือเพลงของหนังสตาร์ วอร์ส ที่มาพร้อมกับเสียงแห่งความล้ำสมัย ยานอวกาศ หรือเพลงของไพเรต ออฟ เดอะ แคริบเบียน ที่แค่เพียงได้ยินเสียงกลิ่นน้ำทะเลก็ลอยมา
ทุกเพลงล้วนเป็นเพลงฮิตระดับโลก แม้ตัวหนังจะจบไปนานแค่ไหน ผู้ชม ผู้ฟังที่ยังคิดถึงก็ต้องเปิดหามาฟังอยู่เสมอ และเชื่อแน่ว่าในบรรดาลิสต์รายชื่อเพลงระดับตำนานเหล่านี้ ต้องมีเพลงสกอร์ของหนัง Merry Christmas, Mr Lawrence อยู่ด้วยเป็นแน่
Merry Christmas, Mr Lawrence (1983) กำกับและเขียนบทโดยนากิซะ โอชิมา เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทหารญี่ปุ่นกับเชลยศึกชาวอังกฤษ โดยมีค่ายทหารบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซียในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นฉากหลัง มีการผูกโยงประเด็นที่ต้องขบคิดมากมาย ทั้งเรื่องรักร่วมเพศ การไม่ยอมรับ ความแตกต่างอย่างสุดขั้วระหว่างสองวัฒนธรรมของโลกตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งหนังเล่าเรื่องอย่างดี จนขึ้นหิ้งหนังคลาสสิกตลอดกาล และเพลงสกอร์ที่แต่งขึ้นโดยหนึ่งในนักแสดงอย่าง ริวอิจิ ซากาโมโตะ ซึ่งตัวตนที่แท้จริงเป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลง แต่เข้าตาผู้กำกับจึงถูกดึงให้มาแสดงด้วย แถมยังประกบกับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง เดวิด โบวี
หากใครเคยฟังเพลง Merry Christmas, Mr Lawrence ย่อมรู้สึกได้ถึงอารมณ์หม่น เหงา คิดถึง และสุดท้ายคือความเปี่ยมพลัง และการก้าวเดินต่อไป แต่เบื้องหลังของเพลงนี้คือ ซากาโมโตะ ไม่เคยแต่งเพลงสกอร์ประกอบหนังมาก่อน เขาเป็นนักดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ที่แปลกใหม่ แต่เมื่อต้องมาทำเพลงสกอร์ที่เคยมีการปูทางในช่วงนั้นไว้แล้วว่าต้องใช้วงออเคสตราในการบรรเลงเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ออกมากลับเกินคาด และส่งให้เพลงนี้เป็นเพลงดังระดับคลาสสิก ผ่านการคัฟเวอร์มาอีกหลายเวอร์ชันและหยิบยกบางท่อนติดหูไปเป็นส่วนหนึ่งของอีกหลาย ๆ เพลง
แม้หลังจากนั้น ริวอิจิจะทำเพลงสกอร์อีกมาก ไม่ว่าจะประกอบหนัง The Last Emperor (1987) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงสกอร์ยอดเยี่ยม หรือเพลงสกอร์ของหนัง The Revenant (2015) ที่ทำให้ลีโอนาโด ดิคาปริโอ ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชาย
แต่เมื่อเขามีหนังสารคดีชีวิตของตัวเอง เขากลับเปิดเรื่องด้วยเพลง Merry Christmas, Mr Lawrence กับเปียโนที่เหลือรอดจากเหตุการณ์สึนามิในปี 2011 เขาบรรเลงเพลงนั้นด้วยเปียโนที่ไม่อาจเรียกได้ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่เขาก็ยอมรับในเสียงที่ผิดเพี้ยนและจมหาย ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิตของคนที่สุดท้ายวันหนึ่งต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ และเขาอยากให้เพลงนี้ช่วยปลอบประโลมผู้ที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้น
จึงไม่แปลกใจเลยหากเพลงนี้จะประทับอยู่ในใจใครหลายคนตลอดไป